วันพฤหัสบดีที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2553
Windows มีข้อมูลเกี่ยวกับไฟล์ประเภทนี้ หน้านี้จะช่วยให้คุณพบ ซอฟต์แวร์ที่จำเป็นในการเปิดไฟล์ของคุณ เก็บงานหลายชนิดของฐาน'
ข้อมูลที่มีนามสกุลไฟล์นี้ Microsft WindowsXP ยัง cache เก็บไฟล์ภาพขนาดเล็กในฐานข้อมูล db . ไฟล์ คุณอาจค้นหาเว็บไซต์ต่อไปนี้)
สำหรับโปรแกรมและข้อมูลที่เกี่ยวข้อง
****
บางคนบอกว่า Thumbs.db คือไวรัส จริงๆแล้วมันไม่ใช่นะครับ จากข้อมูลด้านบน Thumbs.db เหมือนเป็นไฟล์ดาต้าเบสที่เก็บข้อมูลเกี่ยวกับ
การเปิดโฟลเดอร์ต่างๆบนคอมฯ ของเราอะไรประมาณนี้นะครับ
วิธีแก้ ในกรณีที่เราไม่ต้องการให้มี Thumbs.db อยู่ในเครื่อง
1. เปิด My Computer > ไปที่ Tools > คลิกที่ Folder Options...
2. คลิกแท็ป View > คลิกเลือกที่ Show hidden files and folders
3. นำเครื่องหมายถูกที่ Hide protected operating system files (Recommended) ออก
4. ติ๊กเครื่องหมายถูกที่ Do not cache Thumbnails > คลิก OK
อันนี้เป็นการตั้งค่าให้มองเห็นไฟล์ Thumbs.db ได้อ่ะครับ และยกเลิกการสร้างไฟล์ Thumbs.db
หลังจากตั้งค่าเสร็จ ก็ให้ search หา Thumbs.db ในเครื่องเรา แล้วลบออกให้หมดอ่ะครับ
วันพุธที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2553
รู้มั้ยว่าทำไม...คุณถึงติดไวรัสจากFlashDrive ทั้ง ๆ ที่คุณมีโปรแกรม Anti Virus USB !!
โดยปกติคุณเสียบ FlashDrive ผ่านทางพอท USB เมื่อคุณเสียบแล้ว หากคุณมีโปรแกรม Anti Virus USB โปรแกรมจะทำการ Scan หาไวรัสจาก FlashDrive
แต่คุณรู้มั้ยว่า...โปรแกรมเหล่านี้...ไม่สามารถฆ่าหรือกำจัดไวรัสได้ทุกตัว !!!
ยกตัวอย่างโปรแกรมที่เป็นยอดฮิตในปัจจุบัน USB Disk Security ก็ไม่สามารถฆ่าหรือกำจัดไวรัสจาก FlashDrive ได้ทุกตัวหรอก... T _ T
อาการหลัก ๆ เมื่อเราติดไวรัสจาก Flashdrive มีวิธีสังเกตุดังต่อไปนี้ครับ
1.เปิดเครื่องแล้วไม่รันเข้าวินโดร์
2.คำสั่ง Run ใน Start หายไป
3.คำสั่ง Search หายไป
4.Folder Options หายไป
5.มี Folder ที่เราไม่สร้างเกิดขึ้นมาเยอะแยะเต็มไปหมด ( Folder ซ่ำ ๆ)
6.เมื่อเปิดTask Manager (Ctrl+Alt+Del) ไม่สามารถเปิดได้หรือมีคำสั่งฟ้องขึ้นมาว่า "ใช้ได้เฉพาะ Admin" หรือเมื่อเปิดแล้วเครื่องคอมพิวเตอร์รีสตาร์ดเอง
7.เมื่อเปิดคำสั่ง Run ขึ้นมาแล้วพิมพ์ Regedit แล้วไม่มีอะไรขึ้นหรือขึ้นฟ้องว่า "สามารถใช้ได้เฉพาะ Admin" หรือเมื่อเปิดแล้วเครื่องคอมพิวเตอร์รีสตาร์ดเอง
8.เมื่อเปิดคำสั่ง Run ขึ้นมาแล้วพิมพ์ Msconfig แล้วไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ส่วนใหญ่โปรแกรมที่เป็นจำพวก Anti Virus USB จะสามารถฆ่าหรือกำจัดไวรัสได้ เฉพาะไวรัสที่มีนามสกุลดังต่อไปนี้
*.exe <------------ ไวรัสส่วนใหญ่จะมีนามสกุลของตัวเองคือ .exe
*.inf <------------- ยกตัวอย่างเช่น Autorun.inf จริง ๆ แล้วไม่ใช่ไวรัส แต่เป็นตัวนำทางไปสู่การทำงานของไฟล์ไวรัสอื่น ๆ อีกที แต่เมื่อคลิกขวาก็สามารถสั่งการทำงานได้เช่นกัน โดยเมื่อคลิกขวาจะมีคำสั่งให้เลือกว่า Install
*.cmd <------------- ไวรัสตัวที่นามสกุล .cmd จะเป็นการทำงานบนดอส คุณเคยเจอมั้ย...อยู่ ๆ คลิกไฟล์ที่ไม่รู้จักแล้วขึ้นหน้าดอสดำ ๆ ขึ้นมาแล้วก็หายไป !
*.com <------------- หลักการทำงานเหมือนนามสกุล .cmd
นามสกุลไวรัสข้างต้น... โปรแกรม Anti Virus USB ส่วนใหญ่จะสามารถกำจัดหรือ Scan หาเจอได้ แต่มีไวรัสที่มีนามสกุลบางตัวที่โปรแกรม Anti Virus USB ส่วนใหญ่จะไม่รู้จัก ได้แก่...
*.scr <---------- หลักการทำงานของตัวนี้จะคล้าย ๆ กับนามสกุล
*.exe ซึ่งจริง ๆ แล้วนามสกุล
*.scr เนี้ย มันเป็นนามสกุลของ Screen saver
RECYCLE <------------ ปกติในเครื่องคอมพิวเตอร์ทั่วไปทุกเครื่องต้องมีโฟล์เดอร์หรือถังขยะที่มีชื่อว่า Recycle แต่....ทำไมใน Flashdrive ของเราถึงมี โฟลเดอร์ที่ชื่อว่า Recycle พูดง่าย ๆ .... ไอโฟล์เดอร์ที่มีชื่อว่า Recycle หรือ RECYCLE (จะพิมพ์ใหญ่หรือพิมพ์เล็กก็ตามถ้าอยู่ใน FlashDrive ถือว่าเป็นไวรัส !!)
-----------------------------------------------------------
ต่อไปผมจะพูดถึงวิธีสังเกตุว่า FlashDrive ของเรามีไวรัสหรือไม่ ???
1.เมื่อเสียบ FlashDrive แล้วรูปไอคอนของ FlashDrive จะต้องเป็นดังรูป ที่ 1
รูปที่ 1 สถานะรูปไอคอนปกติของ FlashDrive
-----------------------------------------------------------
2.หากเสียบ FlahDrive แล้ว ไอคอนของ FlashDrive เป็นรูปอย่างอื่นหรือเป็นดังรูปภาพ สันนิฐานไว้ก่อนเลยว่าใน FlashDrive ของคุณมีไวรัส ดังรูปที่ 2
รูปที่ 2 สันนิฐานไว้ก่อนได้เลยว่ามีไวรัสแน่ ๆ หึหึ ถึงแม้จะเป็นรูปไอคอนอื่น ๆ ก็ตามเหอ เตรียมใจไว้ได้เลย 55+
-----------------------------------------------------------
3.หากสถานะไอคอนของคุณเป็นแบบรูปที่ 1 หรือรูปที่ 2 เมื่อคุณคลิกขวาดูที่ไดร์ของคุณหากมีคำว่า Autorun หรือ Aotuplay ดังรูป เตรียมใจไว้ได้เลยว่ามีไวรัสแน่ ๆ 55+
รูปที่ 3 หาก FlashDrive เป็นดังรูปนี้ แสดงว่า อาการเข้าขั้นโคม่าเลย แหละ โฮ๊ะโฮ๊ะ
------------------------------------------------------------------
ต่อไปผมก็ขอแนะนำวิธีลบไวรัสจาก FlashDrive โดยไม่ต้องใช้โปรแกรม Anti Virus USB
ก่อนอื่นเลยนะครับ ผมอยากให้เพื่อนๆทุกคนเข้าไปที่ Start---> run--->พิมพ์ gpedit.msc แล้วกด Ok
จะแสดงหน้าต่าง Group Policy
ให้กดเครื่องหมาย +หน้า Administrative Templates แล้วไปเลือกที่ System
Autoplay on:
จากนั้น เมื่อเสียบ FlashDrive ในครั้งต่อไปจะไม่มีการทำงานอัตโนมัติของไวรัสอีก จึงสามารถป้องการไม่ให้ไวรัสเข้า Computer ได้ และ สามารถลบไวรัสด้วยตัวเองได้อย่างง่ายดาย เมื่อทราบถึงการปิด Autoplay แล้วเรามา ลบไวรัสกันครับ

2.เมื่อเข้าไปใน FlashDrive แล้ว คุณต้องทำให้ระบบ Windows ของคุณเปิดโชว์ไฟล์ซ่อนทั้งหมดเสียก่อน...ที่ทำอย่างงี้ก็เพื่อ...ไวรัสส่วนใหญ่ที่อยู่ใน FlashDrive ส่วนใหญ่จะเป็นไฟล์ซ่อนครับ (ไฟล์ใส ๆ อ่ะ) วิธีการเปิดโชว์ไฟล์ซ่อน ทำดังรูป น่ะจ๊ะ
เปิด My computer ขึ้นมา แล้วไปที่ เมนูด้านบนอ่ะจ๊ะ เลือกที่ Tools ----------------> Folder Options.ล้วเลือกที่เถือบ View แล้วเซ็ตดังรูปภาพน่ะจ๊ะ (ตรงนี้ถ้าไม่มีคำสั่ง Folder Options ก็แสดงว่าคุณโดนไวรัสบางตัวเล่นงานไปแล้วครับ)
เมื่อเสร็จแล้วก็กด OK น่ะมันจะเป็นดังรูปที่ 2 หากมีไวรัสซ่อนอยู่...(ตัวอย่างจากของผมเลย)
เห็นม่ะ ใน FlashDrive ของผมมีไฟล์ 3 ไฟล์ที่ใส ๆ ขึ้นมา...นั้นล่ะครับที่ผมเรียกว่า ไวรัสที่เป็นไฟล์ซ่อน (ทั้งๆที่ผมมี Anti Virus USB น่ะยังกำจัดไม่ได้เลย)
เมื่อเจอแบบนี้แล้วอย่าเพิ่งตกใจน่ะครับ...หากต้องการให้มันหายไปก็แค่กดที่คีย์บอร์ดปุ่ม Shift ค้างไว้ แล้วกดอีกปุ่มที่ปุ่ม Delete แล้วก็กด Yes แค่นี้มันก็หายไปแล้วครับ ...
แต่ถ้าใครอยากลองของไม่ต้องลบก็ได้ครับ ลองกด Enter หรือดับเบิ้ลไฟล์ที่ซ่อนขึ้นมา...คุณก็จะได้รู้ว่า...นรกที่อยู่ในคอมมันมีอยู่จริง ๆ หึหึ
หวังว่าเพื่อน ๆ จะได้รับความรู้และความเข้าใจในเรื่องของไวรัสจาก FlashDrive
ถ้ามองกันจริงๆแล้ว โน้ตบุ๊กนั้นถูกสร้างมาเพื่อช่วยให้พวกเราสะดวกสบายมากขึ้น ในเรื่องของการพกพาที่เอาติดตัวไปได้ทุกที่ ซึ่งเป็นจุดเด่นของโน้ตบุ๊ก และเป็นความแตกต่าง ที่ชัดเจนที่สุด ระหว่างโน้ตบุ๊ก และพีซีตั้งโต๊ะ (Desktop pc) ด้วยความสามารถในเรื่องของการ ทำงานนอกสถานที่ โดยไม่จำเป็นต้องเสียบปลั๊ก ทำให้โน้ตบุ๊กต้องมีแหล่งพลังงานในตัวเอง ซึ่งมีการพัฒนาไปค่อนข้างมาก ทั้งแบตเตอรี่ แบบพิเศษ รวมถึงใช้พวกของเหลว แต่ทว่าเป็นเีพียงการทำต้นแบบออกมาเท่านั้น
ในปัจจุบันโน้ตบุ๊กส่วนใหญ่ ยังคงใช้แบตเตอรี่แบบลิเทียมไอออนเท่านั้น ซึ่งก็มีข้อจำกัดในเรื่องของระยะเวลาการใช้งาน ต่อการชาร์จแบตเตอรี่ 1 ครั้ง รวมถึงอายุ ของตัวแบตเตอรี่เอง ที่มีการเสื่อมลงเรื่อยๆ ทุกวัน โดยเฉลี่ยแล้วการชาร์จแบตเตอรี่จนเต็ม 1 ครั้ง จะสามารถใช้งานได้นานราวๆ 2 - 3 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับขนาดแบตเตอรี่ และจำนวนเซลล์ด้วย
ดูระยะเวลาแล้ว ผมคิดว่าไม่น่าจะเพียงพอสำหรับใครหลายๆ คนที่จำเป็น ต้องใช้โน้ตบุ๊กนานๆ นอกสถานที่ซะด้วยสิ... ก่อนจะไปถึง เรื่องเทคนิคต่างๆ ตอนนี้มา ทำความรู้จักกันก่อนว่า แบตเตอรี่โน้ตบุ้คนั้นมีกี่ประเภท
1. แบตเตอรี่ นิกเกิล แคดเมียม (Ni-Cd)
2. แบตเตอรี่ นิกเกิล เมทัล ไฮไดร์ (NiMH)
3. แบตเตอรี่ ลิเธียม ไอออน ที่เราใช้อยู่ในปัจจุบันมากที่สุด...
4. แบตเตอรี่ ลิเธียม พอลิเมอร์ เป็นแบตเตอรี่ที่กำลังมาแรง โดยจะมาแทนที่ลิเธียม ไอออน เนื่องจากสามารถให้พลังงานได้มากกว่า มีโน้ตบุ้คบางรุ่น นำมาใช้แล้ว อย่างเช่น Lenovo Thinkpad X300
พอเรารู้ข้อมูลเกี่ยวกับแบตเตอรี่กันไปแล้ว ทีนี้ก็มาถึง Tip ดีๆ ที่จะมาช่วยในเรื่องของ การประหยัดพลังงานแบตเตอรี่ มีประมาณ 12 เทคนิคด้วยกัน มาดูกันทีละอันไปเลย
1. ควรจะปรับความสว่างของหน้าจอไม่ให้สว่างมากเกินไป เพื่อลดการใช้พลังงาน เพราะว่า จอแอลซีดีของโน้ตบุ๊ก จะใช้ไฟแบลคไลท์ ให้ความสว่างแก่ผลึกเหลวคริสตัลที่อยู่ในจอแอลซีดี และไฟแบคไลท์นี้เอง ที่กินพลังงาน เป็นจำนวนมากในอันดับต้นๆ เลยก็ว่าได้
2. ปกติถ้าเราไม่ได้ใช้งานพวกระบบ การเชื่อมต่อไร้สายต่างๆ เช่น Bluetooth , Wi-Fi ควรจะปิด (Disable) เอาไว้ เพราะอุปกรณ์พวกนี้ กินไฟใช่ย่อยเลย โดยเฉพาะ Wi-Fi นั้นกินมากเป็นพิเศษ
3. ถ้าไม่ได้อยู่หน้าเครื่องเป็นระยะเวลานาน แนะนำให้เข้าสู่โหมด standby หรือ hibernate ไว้ เพราะอุปกรณ์หลักๆ ของเครื่องจะหยุดทำงานทั้งหมด ประหยัดแบตไปได้อีกเยอะ หรือถ้าขี้เกียจมานั่งเข้าโหมด Standby ทุกครั้ง ก็ไปตั้งเวลาในส่วนของ Power Options แทนก็ได้ครับ ส่วนใครไม่อยากตั้ง ก็สามารถเข้าสู่โหมด Standby เองได้เลย
4. เปิดใช้ screen saver ้แทนการ standby หรือ hibernate แต่แนะนำว่าไม่ควรจะใช้เป็นพวกรูปภาพต่างๆ ควรใช้ เป็น blank screen เพราะจะประหยัดพลังงานมากกว่า หรือไม่ใช้เลยจะดีที่สุด
5. ควร copy ไฟล์จากแผ่น cd dvd ต่างๆไว้บน HDD ไม่เปิดจากแผ่นโดยตรง และไม่ใส่แผ่นทิ้งไว้ในเครื่อง สาเหต ุเพราะว่าทุกๆ ครั้งที่ เราสั่งให้เครื่องอ่านข้อมูลจากแผ่น มอเตอร์ของไดรฟ์ CD หรือ DVD จะทำงาน ซึ่งต้องใช้กำลังไฟ
6. ควรทำการ defragment ฮาร์ดดิสก์ เพื่อจัดเรียงไฟล์อย่างมีระบบ ลดภาระการทำงานของหัวอ่านฮาร์ดดิสก์ ที่ไม่ต้องวิ่งไปมาหลายตำแหน่ง นอกจากจะช่วยประหยัดแบตเตอรี่ได้ ยังช่วยให้เราเปิดไฟล์ต่างๆ ได้รวดเร็วกว่าเดิมอีกด้วย
7. ปิดการทำงานของโปรแกรมบางตัวที่มันจะรันเมื่อเราเข้าสู่วินโดวส์ ถ้ายังไม่ชัดเจนก็ลองนึกถึง MSN Messenger ที่โหลดเปิดหน้าจอเองทุกครั้ง หรือไม่ก็เป็นตัว Control ปรับแต่งชิปกราฟิกของ ATI ที่มักจะโหลดเข้าสู่ หน่วยความจำทุกครั้ง รวมถึงโปรแกรมบางตัวด้วย
8. เมื่อไม่ได้ใช้อุปกรณ์เชื่อมต่อ usb ต่างๆ ควรถอดออก อย่างเช่น mouse ถ้าเป็นไปได้อาจจะใช้ touch pad แทน
9. ไม่ควรเปิดเสียงลำโพง speaker ดังมาก เพราะว่าจะทำให้เปลืองแบตเตอรี่
10. ไม่ควรเปิดใช้งานหลายๆโปรแกรมในเวลาเดียวกัน เนื่องจากทำให้ memory และ cpu ทำงานหนัก
11. ดูแลรักษาแบตเตอรี่ ครั้งแรกที่ซื้อโดยควรชาร์จแบตเตอรี่ให้เต็ม และไม่ค่อยปล่อยให้แบตเตอรี่หมด หรือว่าเหลือ 0% แล้วค่อยชาร์จ จะทำให้แบตเสื่อม ทางที่ดีเห็นว่าเหลือน้อยแล้ว ก็รีบชาร์จจะดีกว่า
12. บางคนอาจจะเจอปัญหาว่า ทำไมใช้โน้ตบุ้คอยู่ดีๆ ก็ดับไป ทั้งๆ ที่ก่อนเครื่องจะดับ เราก็เห็นว่ายังมีแบตอยู่ มากกว่าครึ่ง ปัญหานี้เกิดจาก ประจุค้างอยู่ในแบตเตอรี่ แก้ปัญหาโดยเมื่อเราชาร์จไปทุกๆ 30 ครั้ง ควรจะใช้ให้หมด แล้วชาร์จใหม่ทีเดียว เป็นการเคลียร์ cell battery (ปัญหานี้จะเจอได้ใน แบตเตอรี่พวก ลิเธียมไอออน ที่เราใช้ อยู่ในปัจจุบัน)
ก็เป็น 12 ทิปเทคนิคเอาไว้ให้ใช้งานกัน อ่านแล้วอาจจะมองว่าไม่สำคัญ หรืออะไรนี่ มันดูง่ายไปหรือเปล่าเวลาคับขันจริงๆ แบตจะหมด เครื่องร้องติ๊ดๆ งานจะส่ง คุณอาจจะนึกถึงบทความนี้ก็ได้